พัฒนาตัวเอง, อยากพัฒนาตัวเอง, พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น

แชร์ไอเดียพัฒนาตัวเอง ฟื้นฟูจิตใจให้เป็นคนใหม่ในสไตล์ LillyLhin ♡

เวลามีปัญหาในชีวิตทุกคนหาทางออกยังไงกันบ้างคะ ?

เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเล่าให้คนที่เรารู้สึกสบายใจฟัง เพราะมันคือสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ และสบายใจได้เร็วที่สุด ส่วน LillyLhin ปกติถ้าเจอปัญหาแล้ว ก็มักจะปรึกษาคุณแม่หรือคนที่สนิทใจและก็ออกเดินทางไปไหนก็ได้ไม่เกี่ยงว่าใกล้หรือไกล หรือเลือกทำกิจกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นเคยเพื่อให้ความทุกข์ในใจของเราทุเลาลงค่ะ

พัฒนาตัวเอง, อยากพัฒนาตัวเอง, พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น

ในช่วงปีที่ผ่านมาที่เจอปัญหาต่างๆ ที่กระทบใจตัวเองเยอะมาก ทำให้ LillyLhin อ่านงานเกี่ยวกับจิตวิทยา พัฒนาตัวเอง ธรรมะ และพยายามพาตัวเองไปอยู่ในประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้รู้สึกมีความสุขเยอะมากๆ ซึ่งหนึ่งอย่างที่ทำในทุกๆ วันก็คือการเขียนบันทึกความสุขใน IG เป็นไดอารี่ทุกวัน ซึ่งนั่นก็ทำให้รู้สึกกับตัวเองมากๆ ว่าการที่เราเลือกที่จะโฟกัสความสุขทุกวัน แม้ความสุขวันนั้นจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แค่นั้นก็ส่งผลต่อหัวใจเราได้ไม่ยาก ซึ่งการทดลองเขียนไดอารี่ความสุขในปีที่แล้วนั้นก็ทำให้ LillyLhin ได้ต่อยอดและอยากพัฒนาตัวเองต่อไปในปี 2020 นี้ บล็อกนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์ไอเดียการพัฒนาตัวเอง วิธีคิดที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมและฝึกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้อื่นๆ (ในแบบของเราเองนะ) เพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่ติดตามอ่านกันค่ะ ♡

อยากพัฒนาตัวเองต้องเริ่มจากอะไร ?

  • เริ่มปรับจากใจของตัวเองก่อน

LillyLhin ถือคติในใจว่าจะเริ่มทำอะไร “ใจ” ต้องพร้อมก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องเรียน หรือเรื่องความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ต้องต้นจากหัวใจทั้งนั้น ถ้าใจเราพร้อม ใจเราเปิด เราก็จะทำสิ่งนั้นๆ ได้อย่างไม่ฝืนและมีความสุขได้ไม่ยาก แล้วยิ่งถ้าเราเรียนรู้ที่จะรู้จักว่าตัวเองเป็นคนยังไงด้วยแล้ว เราก็ยิ่งเริ่มพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

  • ลิสต์ความต้องการ

ด้วยความที่ LillyLhin เป็นคนคิดเยอะค่ะ 55+ ก็เลยต้องกรองตัวเองก่อนที่จะลงมือทำอะไร เช่น เริ่มจากถามตัวเองก่อนว่าเราอยากจะพัฒนาอะไร ยกตัวอย่างว่างาน ก็ให้ลิสต์ออกมาว่าเราต้องพัฒนาอะไรอีกบ้างเราถึงจะเก่งขึ้นในสายงานของเรา จากนั้นก็ค่อยมาตัด มาเติม ความเป็นไปได้ ความฟุ้งต่างๆ แล้วเลือกข้อที่เราจะไปต่อได้ เป็นต้นค่ะ

  • หาข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อเราเลือกได้แล้วว่าเราจะไปต่อกับอะไร ก็ลงมือหาข้อมูลเพิ่มเติมเลยค่ะ ว่าเราจะเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้จากวิธีไหนบ้าง ตัวอย่างเช่น พูดคุยกับคนเก่งๆ ที่เค้ามีประสบการณ์มาก่อน อ่านหนังสือเพิ่มเติมเพื่อเปิดโลกความคิดของเรา หรือว่าลงเรียนเพิ่มในสิ่งที่เราคิดว่าจะเติมเต็มความต้องการของเราได้

  • ลงมือโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

“อึดอัดเพื่อเติบโต” เป็นคำพูดที่อยู่ในใจของเราและเป็นแรงผลักดันที่ดีในการที่เราจะไม่ล้มเลิกที่จะพัฒนาตัวเองกลางทาง ทุกการเดินทางในชีวิตย่อมพบเจออุปสรรคและความเจ็บปวด ไม่เราทำให้เค้าเจ็บ เค้าก็ทำให้เราเจ็บ ทั้งเรื่องงาน เรื่องคน ดังนั้นการเริ่มต้นที่จะพัฒนาสิ่งใดแล้ว ก็ควรจะยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ไม่ถนัด ซึ่งทุกอย่างที่มนุษย์เราไม่ถนัด ก็แน่นอนว่ามันจะเจอกับความอึดอัด ซึ่งพอเจอกับความอึดอัดแล้ว ก็ให้เรามองถึงเป้าหมายว่าเป็นเป้าหมายที่เราอยากจะไปต่อหรือเปล่า และถ้าตอบตัวเองได้แล้วว่าเราควรไปต่อ เราก็ควรอดทน มีความอุตสาหะ เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ !!! (ตัวโตๆ เลยนะ) ถ้าเป็นเป้าหมายที่เราประเมินบนพื้นฐานของความจริงแล้วว่า ไม่ควรเสียเวลาเพราะไม่สามารถจัดการได้เนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ก็ไม่ผิดที่เราจะต้องตัดทิ้ง แต่ (อีกรอบ) ทุกครั้งที่เราตัดทิ้ง ก็ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากการตัดทิ้งนั้นๆ แค่นี้ก็ได้พัฒนาตัวเองแล้ว (จริงมั้ย ?)

  • รอดูผลลัพธ์

มีคนบอกว่าทุกการกระทำต้องรอดูผลลัพธ์เสมอว่ามันคุ้มค่าที่จะทำต่อหรือเปล่า สำหรับ LillyLhin แล้ว คิดว่าทุกผลลัพธ์ของทุกการพัฒนาตัวเอง ย่อมได้ประโยชน์และทำให้เราได้พัฒนาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดีก็ตาม เราก็เลยคิดว่าทุกปลายทางของการพัฒนาตัวเองล้วนเป็นผลลัพทธ์ที่ทำให้เราเก่งขึ้น ซึ่งแน่นอนไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็อย่าลืมที่จะชื่นชมตัวเองด้วยนะ ♡

พัฒนาตัวเอง, อยากพัฒนาตัวเอง, พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น

วิธีการก็สำคัญต่อการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น

  •  Mindset

ไม่ได้ตามกระแสนิยมแต่อย่างใด แต่ LillyLhin เรียนรู้แล้วว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมหรือบนโลกนี้ล้วนแต่เริ่มมาจากการที่เรามี Mindset  หรือวิธีคิดที่ต่างกัน ซึ่งมันไม่ผิดแต่อย่างใด แต่การปรับ Mindset นั้นเป็นเหมือนวิธีการสำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นได้มากยิ่งขึ้น  ซึ่ง Mindset ที่เราฝึกในช่วงนี้ก็คือ Outward Mindset ซึ่งเป็นการปรับวิธีคิดในการมองคนอื่น ซึ่งมันทำให้เราสามารถลดความเป็นตัวตนของเราลงไปได้ เช่นว่า การไม่ตัดสินคนที่เราไม่ชอบด้วยการโฟกัสแต่สิ่งไม่ชอบ ไม่ตัดสินเค้าไปก่อนจากประสบการณ์ที่เราพบเจอ เป็นต้น

  • ธรรมะ

ช่วงที่เราเจอปัญหาเยอะๆ เรานอนไม่ได้เลยค่ะ นอนไม่หลับ หรือถ้านอนหลับก็จะตื่นขึ้นมากลางดึก เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือน ทั้งๆ บางวันก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเครียด เราเคยปรึกษานักจิตบำบัด ก็เลยรู้ว่าเป็นความเครียดที่เกิดมาจากการสะสมจนอยู่กับเรามานานจนเราไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีที่เราฝึกแล้วรู้สึกว่าเห็นผลจริงๆ ก็คือ การสวดมนต์ แผ่เมตตา และนั่งสมาธินั่นเอง

LillyLhin เป็นคนกินมังสวิรัติทุกวันเกิดและวันพระอยู่แล้วก็เลยเริ่มทั้งสวดมนต์ แผ่เมตตา รวมถึงนั่งสมาธิในวันที่กินมังสวิรัติซะเลย ซึ่งก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจบ้าง ทำไม่ได้บ้าง แล้วแต่ความเหนื่อยล้าและความอินในวันนั้น แต่นั่นก็ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาที่โมโห เวลาที่มีปัญหาแล้วระบายให้คนอื่นฟัง ในใจของเราไม่ได้ลุกเป็นไฟหรือพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์โกรธเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับรู้สึกนิ่งในหัวใจได้มากขึ้น ซึ่งมันดีต่อการมีสติและการใช้ชีวิตของเรามากขึ้นจริงๆ

  • Self talk

วิธีนี้ความจริงอ่านเจอมานานแล้วค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจที่จะปฎิบัติเท่าไหร่ จนเราได้มีโอกาสเจอครูคนหนึ่งแล้วเค้าแนะนำวิธีการพูดกับตัวเองที่ทำให้หัวใจของ LillyLhin เป็นสุขขึ้นมากๆ นั่นคือ การพูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกัน เช่น

“ฉันรู้สึกไม่มีความสุขเลย” ก็ให้พูดกับตัวเองว่า “ฉันมีความสุขจังเลย”

“วันนี้ฉันเหนื่อยจังเลย” ก็บอกกับตัวเองว่า “วันนี้เป็นวันที่สดชื่นจัง”

ที่รู้สึกดีขึ้นได้ไม่ยาก ก็เพราะว่าตอนที่เราฝึกพูดกับตัวเองในทางกลับกันแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกตลก พอตลกเราก็หัวเราะ พอหัวเราะ เราก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และนั่นทำให้เราโฟกัสกับทุกข์น้อยลงนั่นเอง ♡

มาถึงตอนนี้ก็มากกว่าครึ่งปีแล้ว ที่เราฝึกเรื่องธรรมะ มากกว่าสามเดือนแล้วที่ฝึกเรื่อง Mindset และถึงเพิ่งเริ่มฝึก Self talk มาหนึ่งสัปดาห์แต่บอกตรงๆ ว่าถึงจะแค่หนึ่งสัปดาห์ก็ได้ผลมากจริงๆ เรายิ้มได้มากขึ้น หัวเราะได้เยอะขึ้น ก็เลยอยากส่งต่อวิธีคิดพวกนี้ให้กับทุกคนที่อาจจะกำลังเจอกับปัญหาที่แก้ไม่ตก

พัฒนาตัวเอง, อยากพัฒนาตัวเอง, พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น

หลายคนบอกว่าทุกปัญหามีทางออก แต่ตอนนี้ LillyLhin ยังไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะหลายครั้งที่เจอปัญหานั้น ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงแค่เราคนเดียว มันต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าบอกว่าทุกปัญหามีทางออกที่ดีที่สุดของมัน อันนี้เห็นด้วย ดังนั้นในชีวิตคนเรา ไม่จำเป็นต้องหาทางออกให้กับทุกปัญหาเสมอไป อะไรที่ปล่อยได้ก็ปล่อย อะไรที่ยอมได้ก็ยอม แต่อะไรที่ต้องแก้ก็ต้องแก้ ต้องปรับกันไปในบริบทที่เหมาะสมที่สุด เท่านี้เราก็มีความสุขในการดำเนินชีวิตและมีความสุขได้มากขึ้นแล้วหล่ะค่ะ

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตนะคะ อย่าลืมว่าชีวิตเรามีค่า ทุกคนต้องพบเจอกับปัญหา ดังนั้นการฝึกพัฒนาตัวเองทั้งในแง่ของสกิลและในแง่ของความสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ปรับ ใครได้ผลเป็นยังไง อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ♡

บล็อกนี้ พอแค่นี้ก่อน บล็อกหน้าจะมาเล่าอะไรกันอีก ฝากติดตามกันด้วยค่า ❤️

ทักทายพูดคุยกันต่อได้ที่ www.facebook.com/DIYLifestyleBlogs/

♡ การเดินทางช่วยเยียวยาจิตใจ ! ลองดูบล็อกอื่นๆ ของ LillyLhin กันต่อได้นะคะ ♡

  • ไฮไลท์ที่ฉันตกหลุมรัก กับ ทริปเที่ยวบอกรักน่านแบบไม่ต้องกระซิบ
  • A Marvelous 1-day trip at Tea Plantation
  • เที่ยวเชิงเกษตร (Eco-Tourism) ตามรอยโครงการพระราชดำริที่ “เขาหินซ้อน”

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.