เชียงคาน …ลิตเติ้ล “ลาว” ที่มีชีวิตชีวา
… เชียงคาน …
นี่คือทริปเที่ยวอีสานครั้งแรกของเราค่ะ ถึงจะเป็นอีสานตอนบนที่ค่อนไปทางเหนือก็เถอะ…
ก่อนมาเขียงคานมีหลายคนพูดเตือน LillyLhin ว่า ไป เชียงคาน น่ะหรอ ไปทำอะไร ไม่เห็นมีอะไรเลย… จนทำให้เราอดกังวลนิดๆไม่ได้ แต่มุมมองการท่องเที่ยวของคนเรามันต่างกันเนอะ ทริปนี้อาจจะโดนใจฉันก็ได้ เราคิดแบบนั้น
พูดเลยว่าเป็นทริปที่แทบจะไม่ได้แพลนอะไรเองเลย พอดีว่าพี่ที่ออฟฟิศเค้าชวนไปน่ะค่ะ ที่พักน่าสนใจ ประกอบกับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คิดไว้ว่าอยากลองไปดู ก็เลยตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เชียงคานในมุมมองแรกของเรา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเที่ยวอยู่ในประเทศลาวค่ะ เราเคยไปลาวมาครั้งนึง ไปเมืองเวียงจันทน์กับวังเวียง เมืองท่องเที่ยวที่กำลังฮิตอยู่นั่นหล่ะค่ะ
ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบินราคาประหยัดอย่างนกแอร์ ไป-กลับไม่ถึงสี่พัน (แอบแพงกว่าปกตินิดนึง เพราะไปช่วงหน้าท่องเที่ยว) ที่ LillyLhin ชอบเดินทางราคาประหยัดก็เพราะว่าจะได้เก็บเงินไปไว้เทกับของถิ่น อาหารท้องถิ่นเวลาไปเที่ยวนั่นเองค่ะ 🙂
ก่อนหน้านี้ เวลาจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวไหน เราก็มักจะจองตั๋วกับสายการบินโดยตรง แต่ตอนนี้เราเจอตัวช่วยดีๆที่ทำให้เราได้ตั๋วราคาดีกว่าจองกับสายการบินเสียอีก แถมข้อดีก็คือไม่มีการบวกค่าธรรมเนียม และมีโปรโมชั่นแจกโค้ดส่วนลดให้เหลือตังค์ไว้กินขนมต่อได้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจโปรดี ราคาโดน ลองเข้าไปเช็คราคากันได้ที่ Traveloka นะจ้ะ ?
จากสนามบินจังหวัดเลย ที่มีไซส์มินิเล็กกะทัดรัด เรานั่งรถยนต์ที่ออกจะเป็นส่วนตัวมากๆเป็นบริการจากทางรีสอร์ต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงรีสอร์ตที่พักแล้วล่ะค่ะ
The Camp รีสอร์ตที่ว่าสวยๆ ที่เราร้องว้าว ยังไม่ทำให้ประทับใจเท่ากับการบริการของพนักงานที่ดูใส่ใจและเป็นกันเองมากๆ
ที่นี่มีจุดเด่นก็คือเต้นท์ค่ะ คอนเซปต์ตามชื่อเลย The Camp เชียงคานเป็นเต้นท์เรียงรายที่ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่เราว่าหาได้ไม่ง่ายเชียวล่ะค่ะ พอมาเห็นวิวภูเขา แม่น้ำ และอากาศสดชื่นแบบนี้แล้วก็นึกอิจฉาเจ้าของที่นี่เบาๆ อยากมีบ้านที่เห็นวิวแบบนี้จัง
มาถึงวันแรกก็ทำการสำรวจรีสอร์ทกันก่อน แค่ในนี้ก็ถ่ายรูปเล่นกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว อย่างที่บอก เราไม่ได้เป็นคนแพลน เพราะเราทริปนี้เราเป็นผู้ตามโดยสมบูรณ์ แอบมีรีเควสบ้างนิดๆแค่นั้นค่ะ
หลังจากถ่ายรูปเล่น นั่งดูพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าจนพอใจกับวันแรกที่นี่แล้ว ก็ออกไปเดินเล่นตลาดกลางคืนกันค่ะ ซึ่งทางรีสอร์ทเค้ามีรถตุ๊กๆสามล้อแต่งในสไตล์ของเมืองเชียงคานไว้คอยบริการรับส่งตามรีเควสจากนักท่องเที่ยวอย่างเราในราคาไม่แรงด้วย
คุณลุงตุ๊กๆพาเรามาถึงตลาดกลางคืนเมืองเชียงคานพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงความเป็นห่วงเป็นใยไว้ข้างใน “จะกลับเมื่อไหร่ โทรเรียกลุงได้นะ” เราไม่รู้ว่าเป็นการตลาดหรือเปล่า แต่เท่าที่สัมผัสได้ตลอด 2 วัน 1 คืนที่อยู่ที่นั่น ลุงน่ารักมากจริงๆ
ตลาดกลางคืนที่ยิ่งเดิน ยิ่งคึกคัก พาเราเพลิดเพลินจนรู้สึกเมื่อย ตลอดเส้นถนนคนเดินสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยๆก็คือ ข้าวจี่, โจ้ก และข้าวเปียก เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่หาได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ
เราชอบที่นี่ตรงที่ถึงจะคึกคักแต่ก็ไม่แออัดจนไม่น่าเดิน บ้านเรือนและการตกแต่งของที่เชียงคานทำเราหลงรักได้ไม่ยาก เค้าใส่ใจรายละเอียดนะ ดูสิขนาดตู้ไปรษณีย์ยังมีดีเทลน่ารักๆเลย เห็นการตกแต่งแบบนี้พาลให้คิดถึงการรักษาวัฒนธรรมซึ่งเห็นได้บ่อยๆเมื่อไปญี่ปุ่น ในเชียงคานไม่ว่าจะเป็นร้านสมัยใหม่ สถานที่ราชการ ธนาคารหรือว่าร้านค้า ก็มีความใส่ใจรายละเอียดปรับแต่งให้เข้ากับธีมเมืองเก่าทั้งนั้น เราอยากให้ทุกจังหวัดในเมืองไทยเป็นแบบนี้จัง
ไม่น่าเชื่อว่าตลาดกลางคืนถนนคนเดินในเชียงคานจะดูดเอาทรัพย์ออกจากกระเป๋าเราได้ง่ายๆ 55 เราเป็นพวกแพ้ของพื้นเมือง ของทำมือและผ้าทอค่ะ เรียกได้ว่าช้อปแบบมีความสุขไปเลย
คุณลุงขับตุ๊กๆบอกเราว่าให้เดินไปจนถึงซอย ยี่สิบกว่าๆ เราเชื่อคุณลุงแต่เชื่อไม่หมด เดินไปจนรู้สึกว่าไม่น่าสนใจละก็เดินกลับมาเพื่อหาของกิน (ความจริงที่เดินเยอะๆคือหาของกินมากกว่า)ลงเอยมื้อแรกที่เชียงคานด้วยผัดไทยคิวยาว คนเยอะ ต้องอร่อยแน่ๆ เราคิดแบบนั้น แต่ความจริง ไม่เป็นแบบที่คิดไว้ เฮ้อ แอบเสียใจ แต่ก็คิดว่า รสปากเราอาจไม่ถึงก็ได้ หลังจากนั้นก็หาของกินต่อนิดหน่อย ระหว่างรอคุณลุงมารับ เป็นอันจบทริปวันแรกค่ะ
อ้อ… ลืมไปได้ไง จะบอกว่าที่อร่อยมากคือกล้วยอบไส้มะพร้าวอ่อน ของคุณป้าต้นซอย แล้วยิ่งคุณป้าเสริฟกล้วยใส่ใบตองม้วนเป็นกรวยด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจคูณสอง ใครไปเดินเที่ยวต้องห้ามพลาดนะคะ