ไฮไลท์ที่ฉันตกหลุมรัก กับ ทริปเที่ยวบอกรักน่านแบบไม่ต้องกระซิบ
เที่ยวน่าน กับ ไฮไลท์ที่ฉันตกหลุมรัก แบบไม่ต้องกระซิบ
นี่เป็นทริปเที่ยวน่านครั้งแรกของเรา แต่ไม่ใช่ครั้งแรกของทริปภาคเหนือหรอกนะคะ ก่อนหน้านี้เราเป็นแฟนพันธุ์แท้เชียงใหม่ เพราะว่าตอนเด็กๆไปเที่ยวบ่อยๆ เพราะว่าตามคุณพ่อไปตระเวณตรวจลูกค้าอยู่บ่อยๆ เราก็เลยไปเชียงใหม่บ่อยที่สุด นอกนั้นก็เป็นเชียงราย, ลำปาง และ ลำพูน ขาดอีก 4 จังหวัดก็จะครบทั้งภาคเหนือแล้วหล่ะ ในบรรดาทริปภาคเหนือที่ไปมาแล้ว บอกเลยว่า น่าน เป็นจังหวัดที่มาแล้วเกิดความรู้สึกว่าอยากสร้างบ้านและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปเลย เพราะว่าอะไรถึงอินขนาดนี้น่ะหรอคะ ค่อยๆตามเรามาทำความรู้จักจังหวัดนี้ก็แล้วกัน💜
ทริปเที่ยวน่าน 4 วัน 3 คืนของเราอยู่ที่เมืองปัวเสียเป็นส่วนใหญ่ มีวันกลับวันเดียวที่เข้าไปเที่ยวในเมืองน่าน ดังนั้นเราจะเล่าเรื่องน่านในมุมมองที่เราเห็นในเมืองปัวให้อ่านกันก่อนก็แล้วกันค่ะ
ปัวเป็นเมืองเล็กๆที่ดูเป็นกันเอง เงียบสงบ แลดูเป็นมิตร เราเช่ารถพร้อมคนขับให้เค้าพาเที่ยวตลอดทริปก็เลยได้ข้อมูลจากคนท้องถิ่นที่ทำให้เรารู้จักน่านได้มากขึ้น พี่คนขับบอกเราว่าในจังหวัดน่านไม่ค่อยมีรถขนส่งสาธารณะสักเท่าไหร่ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีรถส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นนักท่องเที่ยวประมาณ 80% จึงนิยมที่จะเช่ารถยนต์ขับเที่ยวเอง และอีกประมาณ 20% ก็เช่ารถยนต์พร้อมคนขับอย่างเราเนี่ยแหล่ะ คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่เป็นจะไม่ค่อยเน้นเที่ยวน่านในเมือง แต่จะเที่ยวตามเมืองท่องเที่ยวข้างเคียงอย่างเช่น ปัว นี่แหละ สำหรับบล็อกนี้เราจะขอเล่าถึงไฮไลท์น่ารักๆที่เรารู้สึกว่าไปมาแล้วรู้สึกรักมาเล่าให้ฟังก่อนก็แล้วกันนะ 💜
ที่เที่ยว : หอศิลป์ริมน่าน
การจะเข้าถึงท้องถิ่นให้ได้แบบเร็วที่สุด ถ้าไม่ใช่ตลาดท้องถิ่นที่จะทำให้เราเข้าถึงการใช้ชีวิตของผู้คนก็คิดว่าหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นนี่หล่ะค่ะที่จะตอบโจทย์ได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงรู้สึกรักที่จะได้เดินเที่ยวเล่น ดูโน่นนี่นั่นในหอศิลป์ริมน่านแห่งนี้ ที่นี่เป็นของคุณวินัย ปราบริปู ศิลปินท้องถิ่นของจังหวัดน่านที่มีความคิดจะสร้างสรรค์พื้นที่บ้านเกิดให้เป็นเมืองแห่งศิลปะ จึงได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่กว่า 13 ไร่ จัดแสดงผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมของตัวเองและศิลปินไทยร่วมสมัยท่านอื่นๆมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการกึ่งถาวรให้คนที่มีใจรักศิลปะและนักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมกัน
เราเห็นถึงการใช้ชีวิตของคนสมัยก่อนผ่านลายเส้นและภาพเขียนที่เหมือนเป็นการบันทึกเรื่องราวต่างๆ เรารู้สึกว่าลายเส้นและสีสันที่ใช้ในภาพจิตรกรรมของเมืองน่านมันมีชีวิตราวกับจะพาเรานั่งไทม์แมชชีนกลับไปในอดีตได้ เดินดูไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว สำหรับคนที่ไม่อินกับภาพเขียน ก็สามารถเดินถ่ายรูปเล่น เซลฟี่กับผลงานสร้างสรรค์ต่างๆทั้งภายนอกอาคารและภายในอาคาร แถมฟังดนตรีสดกันแบบชิลล์ๆได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว รับรองว่าใครชอบถ่ายภาพจะได้ภาพสวยๆกลับไปโพสได้หลายเดือนเชียวหล่ะค่ะ 🙂
พิกัด : เมืองปัว
เวลาเปิดปิด : วันพุธ – อาทิตย์ (รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์) 10.00 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : 20 บาท
เพิ่มเติมที่ : FB หอศิลป์ริมน่าน
ที่เที่ยว : วัดภูเก็ต
อุ้ย..ไม่ได้จำผิดค่า วัดที่น่านแต่ใช้ชื่อว่า “ภูเก็ต” จริงๆ เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้น่ะหรอคะ ก็เพราะว่าพื้นที่แถวนี้มีชื่อว่า “เก็จ หรือว่าเก็ต” ส่วน “ภู” หมายถึง ดอย ก็เลยรวมกันได้ว่า “ภูเก็ต” นั่นเอง
ความว้าวของวัดนี้ก็คือ นอกจากความเก่าแก่ ความเงียบสงบ ศิลปะขององค์พระและจิตรกรรมจะวิจิตรสวยงามแล้ว ด้านหลังของวัดนั้นเป็นวิวดอยภูคาค่าคุ๊ณณณ…ไม่ใช่แค่นั้น ลองมองต่ำลงมาหน่อย ก็มีวิวของตูบนาไทลื้อ ซึ่งเขียวขจีมากที่สุด บอกเลยว่าอารมณ์ดีมาก ไหว้พระ ชมจิตรกรรม สถาปัตยกรรมสวยๆ ให้จิตใจสงบผ่อนคลายแล้ว ก็มาเดินชมวิวถ่ายรูปสวยๆกันต่อ…แล้วแบบนี้จะไม่ให้หลงรักที่นี่ได้ยังไง
ความน่ารักของตูบนากาแฟไทลื้อก็คือการจัดการของท้องถิ่นที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชนและราชการที่ช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เราจึงเห็นทั้งผลิตภัณฑ์ของชุมชน ทั้งกาแฟของชาวไทลื้อ, ผ้าทอของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ดัดแปลงเป็นสินค้า OTOP ต่างๆมากมาย ซึ่งที่ตรงนี้คุณสามารถเดินชิมของท้องถิ่น ซื้อของฝากท้องถิ่น รวมถึงเข้าไปสัมผัสกับการใช้ชีวิตท้องถิ่นของชาวบ้านได้อย่างใกล้ชิด ส่วนตัวเราชอบผ้าทอมาก เราได้เห็นทั้งงานจากชาวไทลื้อซึ่งนำมาขายเอง และงานแปรรูปผ้าทอของชุมชนที่เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP และได้เห็นชาวบ้านทอผ้ากันจริงๆ บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นตลอดเส้นทาง 55+
อ้อ..ที่นี่เค้ามีที่พักด้วยนะคะ คนที่มาพักที่นี่นอกจากจะมาปฎิบัติธรรมแล้ว ยังได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและเข้าถึงการใช้ชีวิตที่เป็นชุมชนจริงๆ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ชุมชน ธรรมชาติและชาวบ้าน ใครสนใจเชิญนะคะ 🙂
พิกัด : เมืองปัว
เพิ่มเติมที่ : FB วัดภูเก็ต
ที่เที่ยว : วัดภูมินทร์
วัดภูมินทร์เป็นวัดเก่าแก่ที่ดูขลังมาตั้งแต่ทางเข้า ภายนอกดูเรียบง่าย แต่ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยขุมสมบัติทางวัฒนธรรม วัดนี้ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2139 ซึ่งนอกจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งรวมเอาโบสถ์ วิหารและเจดีย์ไว้ในที่เดียวกันแล้ว จิตรกรรมฝาผนังของที่นี่ก็ยังเป็นมนต์สะกดให้ใครต่อใครอยากจะมาเห็นด้วยตาของตัวเองสักครั้ง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากมาเที่ยวน่าน มาเห็นภาพจิตรกรรมที่ใครๆก็พูดถึง ปู่ม่าน ย่าม่าน กระซิบรักบรรลือโลกนั่นเองค่า
ทำไมถึงพูดกันว่าเป็น“ภาพกระซิบรักบรรลือโลก” หรือ “ความรักเหนือกาลเวลา” สงสัยเหมือนกันหรือเปล่าคะ…? ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายทอดโดยคุณหนานบัวผัน ศิลปินชาวไทลื้อ ตั้งแต่ช่วงพ.ศ. 2410-2417 หรือตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งนับเป็นตัวเลขกลมๆแล้วก็ประมาณ 140 ปี เห็นจะได้ ถึงจะอยู่มานานขนาดนี้แต่ก็ยังมีความสมบูรณ์ทั้งองค์ประกอบ อารมณ์ภาพ ซึ่งทำให้ดูโดดเด่นกว่าภาพอื่นๆ ให้อารมณ์ประมาณว่า นี่บอกรักกันมา 140 ปีแล้วนะ ความรัก ความหวานของทั้งคู่ยังไม่จางลงเลย ประมาณนี้ 55+
เมื่อได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาขนาดนี้ และได้เห็นภาพวาดในสไตล์อื่นๆของปู่ม่าน ย่าม่านในเวอร์ชั่นอื่นๆที่ หอศิลป์ริมน่านกันมาแล้ว ก็เลยขอตามมาดูของจริงออริจินอลกันสักหน่อย ซึ่งใครที่อยากมีรักยืนยาว ก็สามารถมาขอพรให้ความรักยืนยาวกันได้ที่นี่ค่ะ สำหรับการขอพรนั้น รู้มาว่าต้องขอกันเป็นกลอน ว่า…
“กำฮักน้องกูปี้จั๊กเอาไว้ในน้ำก็กั๋วหนาว
จั๊กเอาไว้ปื้นอากาศกลางหาว
ก็กั๋วหมอกเหมยซ่อนดาวลงมาขะลุ้ม
จั๊กเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม
ก็กั๋วเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวจายปี้นี้
จั๊กหื้อมันไห้ อะฮิ อะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา“
แปลว่า “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
แต่งและแปลโดยอาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม เป็นภาษาถิ่นพายัพ (ภาษาเหนือ) ค่ะ
บอกเลยว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของที่เที่ยวน่านที่ทำให้เราตกหลุมรักน่านเท่านั้นสำหรับทริปนี้ (เอาไว้จะเล่าให้อ่านกันอีก) แต่ตอนนี้ขอพาไปหาที่กิน และแนะนำที่พักกันก่อนละกัน
พิกัด : เมืองน่าน
เพิ่มเติมที่ : FB วัดภูมินทร์
ที่กิน : ข้าวซอยกระซิบรัก
ไปแอบดูปู่ม่านกระซิบรักย่าม่านกันมาแล้ว ก็มากินข้าวซอยกระซิบรักใกล้ๆกับวัดกันหน่อยล่ะค่ะ ข้าวซอยเรียกว่าเป็นอาหารท้องถิ่นที่คนมาเที่ยวภาคเหนือต้องกิน แต่ความน่ารักของร้านนี้ก็คือ การมีธีมกระซิบรักค่ะคุ๊ณณณ… ข้าวซอยกระซิบรักจะหนักและแน่นไปด้วยเครื่อง ทั้งทะเล ที่มีทั้งกุ้งและปลาหมึกและไก่น่องใหญ่ที่นิ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยว รสชาติของซุปนั้นถือว่าเข้มข้นแต่ไม่จัดจ้านเกินไป ลงตัวในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ 60 บาท อิ่มเวอร์จ้า
เพิ่มเติมที่ : FB ข้าวซอยกระซิบรัก
ที่พัก : C View Home
มาเที่ยวน่านก็ต้องรีแร็กซ์กันหน่อย จะพักผ่อนทั้งทีก็ต้องให้ได้แบบเต็มที่กันไป บอกเลยว่าที่นี่ดีเลิศมาก ตื่นมาพร้อมกับวิวพระอาทิตย์ หมอกและเมฆแบบเต็มตา เรียกว่าสดชื่น อารมณ์ดีกันไปยาวๆทั้งวันเลยค่ะ นี่ขนาดกลับมาตั้งนานแล้ว ยังมีภาพของวิวสวยๆติดอยู่ในใจอยู่เลย 💜 ตอนเราไปพักเป็นช่วงต้นปี อากาศดี ดังนั้น หมอกนี่มาเต็ม ไม่ต้องขึ้นดอยไหนก็อิ่มตาอิ่มใจกับวิวหมอกหน้าห้องกันได้อย่างเพลินๆ ส่วนใครใคร่อยากลงเล่นน้ำ ว่ายน้ำท่ามกลางวิวภูเขาสวยๆก็สามารถจัดกันได้เลยค่ะ บอกเลยว่า นี่จะเป็นที่พักที่ต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน จองไว้แล้วนะจ้ะ สำหรับการบริการ ประทับใจมาก (กไก่ล้านตัว) เป็นการบริหารจัดการแบบครอบครัว กันเองสุดๆ คุณพี่ คุณลุง น่ารักกันเวอร์ ถึงอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่ก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านกันเลยทีเดียว แนะนำค่า
เพิ่มเติมที่ : FB C View Home
LillyLhin Tips : ทริปนี้เราเดินทางโดยใช้สายการบินนกแอร์ค่ะ ส่วนตัวชอบสายการบินนี้นะ โปรเยอะ แถมแอร์ก็ยังน่ารัก คุยรู้เรื่อง แต่เทคนิคที่ทำให้เราประหยัดได้มากกว่าคือ จองผ่าน Traveloka ค่ะ คือเว็บนี้ไม่ใช่แค่จองตั๋วเครื่องบินได้แค่สายการบินเดียวนะ แต่มีสายการบินให้เราเลือกเยอะ อย่างเรากดนกแอร์ไปน่าน แต่เอาเข้าจริงก็มีสายการบินอื่นๆมาให้เราได้เลือกเปรียบเทียบราคาไปอีก โรงแรมก็ยังจองได้ บอกเลยว่าสะดวก แถมช่วยประหยัดได้อีกด้วย เย่!! ชอบ แนะนำค่า 🙂
เป็นยังไงกันบ้าง ตกหลุมรักน่านแบบเราแล้วใช่มั้ยหล่ะ อย่างที่บอกนี่เราจัดไฮไลท์ที่เราหลงรักมาให้อ่านกันในบล็อกนี้ก่อนเท่านั้น เดี๋ยวที่อื่นๆจะทยอยตามมาให้อ่านกันต่อนะคะ คราวนี้ขอตัวก่อน วันนี้อากาศดี คิดถึงน่าน อยากย้ายบ้านไปอยู่น่าน 55+ เจอกันใหม่บล็อกหน้าค่า ❤️